สารบัญ
- บทนำ
- สังกะสี: แร่ธาตุสำคัญต่อร่างกาย
- 6 อาหารที่ช่วยเสริมสังกะสี (ต่อ 100 กรัม)
- หน้าที่ของสังกะสี
- ปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- 2 กลุ่มเสี่ยงขาดสังกะสี
- ข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
- คำถาม-คำตอบ (Q&A)
บทนำ
KUBET จากการสำรวจสถานะโภชนาการของประชาชนโดยสำนักงานส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติของไต้หวัน KUBET (ช่วงปี 2017–2020) พบว่า ผู้ชายอายุ 75 ปีขึ้นไป และ เด็กหญิงวัยรุ่นอายุ 13–15 ปี เป็นกลุ่มที่มีการบริโภคสังกะสีต่ำกว่าคำแนะนำเพียง 70% ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน KUBET การเจริญเติบโต และการทำงานของร่างกายโดยรวม KUBET
ประเด็น | รายละเอียด |
---|---|
แหล่งข้อมูล | สำนักงานส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติของไต้หวัน (ช่วงปี 2017–2020) |
กลุ่มที่มีการบริโภคสังกะสีต่ำ | – ผู้ชายอายุ 75 ปีขึ้นไป – เด็กหญิงวัยรุ่นอายุ 13–15 ปี |
ระดับการบริโภค | บริโภคสังกะสีต่ำกว่าคำแนะนำเพียง 70% |
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น | – ระบบภูมิคุ้มกันทำงานด้อยลง – การเจริญเติบโตล่าช้า – การทำงานของร่างกายโดยรวมลดลง |
สังกะสี: แร่ธาตุสำคัญต่อร่างกาย
สังกะสีมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ KUBET เช่น
- สนับสนุนระบบสืบพันธุ์และฮอร์โมน
- ส่งเสริมภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงของร่างกาย
- ช่วยในการรับรส กระตุ้นความอยากอาหาร KUBETและเร่งการเผาผลาญ
6 อาหารที่ช่วยเสริมสังกะสี (ต่อ 100 กรัม)
- หอยนางรม/หอยแมลงภู่: 10.6 มก.
- ปูแดง (Red crab): 10.3 มก.
- เมล็ดฟักทอง: 9.4 มก.
- ถั่วเหลือง: 2.7 มก.
- ไข่ไก่: 1.3 มก.
- เนื้อแดง (ควรบริโภคในปริมาณพอเหมาะ)

หน้าที่ของสังกะสี
- เสริมสุขภาพระบบสืบพันธุ์และฮอร์โมน
- ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและแรงกาย
- ส่งเสริมการรับรส ความอยากอาหาร และระบบเผาผลาญ KUBET
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- เพศชาย (อายุ 13 ปีขึ้นไป): 15 มก.
- เพศหญิง (อายุ 13 ปีขึ้นไป): 12 มก.
2 กลุ่มเสี่ยงขาดสังกะสี
- ผู้ชายอายุ 75 ปีขึ้นไป
- เด็กหญิงอายุ 13–15 ปี
ข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
แม้ว่าเนื้อแดงจะมีสังกะสีสูงKUBET แต่ควรบริโภคในปริมาณจำกัดเพื่อเลี่ยงไขมันส่วนเกิน KUBET ทางเลือกที่ดีคืออาหารทะเล ถั่ว และไข่ KUBET ซึ่งช่วยเสริมสังกะสีโดยไม่เพิ่มพลังงานเกินความจำเป็น ผู้บริโภคควรยึดหลัก “จานอาหารสุขภาพ” KUBET เพื่อรับประทานอาหารที่หลากหลายและสมดุล
คำถาม-คำตอบ (Q&A)
Q1: กลุ่มใดบ้างที่มีความเสี่ยงได้รับสังกะสีไม่เพียงพอ?
A1: ผู้ชายอายุ 75 ปีขึ้นไป และเด็กหญิงอายุ 13–15 ปี
Q2: สังกะสีมีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย?
A2: ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ระบบสืบพันธุ์ รักษาการรับรส ความอยากอาหาร และการเผาผลาญ
Q3: ปริมาณสังกะสีที่ควรได้รับต่อวันคือเท่าไหร่?
A3: ผู้ชาย 15 มก.ต่อวัน และผู้หญิง 12 มก.ต่อวัน
Q4: อาหารใดให้สังกะสีสูงสุดในบทความนี้?
A4: หอยนางรมหรือหอยแมลงภู่ (10.6 มก.ต่อ 100 กรัม)
Q5: ควรระวังอะไรเมื่อเลือกแหล่งสังกะสีจากเนื้อสัตว์?
A5: ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อแดงมากเกินไป เพราะมีไขมันและพลังงานสูง ควรเลือกอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น ถั่ว ไข่ และอาหารทะเลแทน
เนื้อหาที่น่าสนใจ: