สารบัญ
- ปวดท้องกะทันหันหลังมื้อหม้อไฟ พบภาวะนิ่วในถุงน้ำดี
- นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากอะไร?
- หน้าที่ของถุงน้ำดีและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่ว
- อาการที่ควรระวัง: นิ่วในถุงน้ำดีหรือแค่อาหารไม่ย่อย?
- การรักษาและภาวะแทรกซ้อนหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา
- แนวทางป้องกัน: ควบคุมอาหารและตรวจสุขภาพเป็นประจำ
- สรุป: ปวดท้องหลังทานอาหารอาจไม่ใช่แค่โรคกระเพาะ
ปวดท้องกะทันหันหลังมื้อหม้อไฟ พบภาวะนิ่วในถุงน้ำดี
KUBET หญิงวัย 42 ปี นัดพบปะกับเพื่อนสนิทและทาน หม้อไฟมื้อใหญ่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอเริ่มมีอาการ ปวดท้องด้านขวาตอนบน แบบเรื้อรัง KUBETเมื่อไปพบแพทย์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน และต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน

เมื่อแพทย์เปิดถุงน้ำดีออก กลับพบ นิ่วจำนวนมหาศาล ที่มีลักษณะคล้ายกับ “ไข่ปลาคาเวียร์” สีดำ และเมื่อทำการนำออกทั้งหมด KUBETปรากฏว่ามีนิ่วอยู่กว่า 100 ก้อน โดยมีขนาดรวมกันถึง 10 × 7 เซนติเมตร ถือเป็นกรณีที่พบได้ยากมาก
นิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากอะไร?
KUBETแพทย์ อู๋ ป๋อเสวียน จากโรงพยาบาลเกาสงกังซาน อธิบายว่า นิ่วจำนวนมากในถุงน้ำดีเป็นกรณีที่พบได้น้อย โดยสาเหตุมักเกี่ยวข้องกับ พันธุกรรม และการทำงานของถุงน้ำดีที่ผิดปกติ
เมื่อ ถุงน้ำดีไม่ได้บีบตัวเป็นปกติ หรือไม่สามารถระบายของเหลวได้เต็มที่ น้ำดีที่มีความเข้มข้นสูงจะตกตะกอนและก่อตัวเป็น นิ่ว ซึ่งในกรณีนี้ นิ่วมีขนาดเล็กจำนวนมาก และมีลักษณะเหมือนไข่ปลาคาเวียร์
หน้าที่ของถุงน้ำดีและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่ว
หน้าที่ของถุงน้ำดี คือเก็บและ น้ำดี เพื่อช่วยย่อยไขมันKUBET เมื่อนำไขมันเข้าสู่ร่างกาย ถุงน้ำดีจะบีบตัวเพื่อส่งน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็ก แต่หากมี นิ่วอุดตัน อาจทำให้เกิด การอักเสบและปวดอย่างรุนแรง
ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี ได้แก่:
- การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอด อาหารมัน และอาหารรสจัด
- การอดอาหารเป็นเวลานาน ส่งผลให้ถุงน้ำดีไม่ได้บีบตัวและระบายน้ำดีออกไป
- ฮอร์โมนในเพศหญิง เช่น การตั้งครรภ์ หรือ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจทำให้เกิดภาวะน้ำดีคั่ง
- โรคอ้วนและภาวะไขมันในเลือดสูง มีผลต่อระดับคอเลสเตอรอลและอินซูลิน KUBETซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของถุงน้ำดี
อาการที่ควรระวัง: นิ่วในถุงน้ำดีหรือแค่อาหารไม่ย่อย?
KUBETหลายคนมักเข้าใจผิดว่า อาการปวดจากนิ่วในถุงน้ำดีเป็นอาการปวดกระเพาะอาหารธรรมดา แต่หากมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์:
✔ ปวดเกร็งหรือปวดจุกบริเวณชายโครงขวา โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารไขมันสูง
✔ ปวดร้าวไปที่ไหล่หรือหลัง
✔ มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด
✔ รับประทานยาลดกรดแล้วอาการไม่ดีขึ้น
✔ ไข้สูงหรือมีภาวะตัวเหลือง (ดีซ่าน)
KUBETหากพบอาการดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณของ ถุงน้ำดีอักเสบหรือนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งต้องรับการรักษาโดยแพทย์
การรักษาและภาวะแทรกซ้อนหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา
KUBETหากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น นิ่วในถุงน้ำดี และเกิดการอักเสบเรื้อรัง แพทย์มักแนะนำให้ ผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Cholecystectomy) เพื่อ ตัดถุงน้ำดีออก ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดและฟื้นตัวเร็ว
หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจเกิด ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น:⚠ ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง เสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรง
⚠ ฝีหนองในถุงน้ำดี ซึ่งอาจทำให้ถุงน้ำดีแตก
⚠ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์
⚠ การติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) ซึ่งอาจทำให้ถึงแก่ชีวิต
⚠ เสี่ยงต่อโรคมะเร็งถุงน้ำดี ในกรณีที่เป็นเรื้อรังมานานหลายปี
แนวทางป้องกัน: ควบคุมอาหารและตรวจสุขภาพเป็นประจำ
แพทย์แนะนำว่า ควรปรับพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต เพื่อป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี:✅ หลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารทอด และอาหารแปรรูป
✅ รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช
✅ ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ระบบน้ำดีทำงานได้ดีขึ้น
✅ ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน
✅ ไม่อดอาหารเป็นเวลานาน เพื่อให้ถุงน้ำดีบีบตัวระบายน้ำดีได้ตามปกติ
✅ ตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นนิ่วในถุงน้ำดี
สรุป: ปวดท้องหลังทานอาหารอาจไม่ใช่แค่โรคกระเพาะ
กรณีของหญิงวัย 42 ปีที่พบ นิ่วในถุงน้ำดีจำนวนมาก KUBETเป็นตัวอย่างของ อาการที่เริ่มจากอาการปวดท้องธรรมดา แต่อาจนำไปสู่ภาวะร้ายแรงได้หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที
หากคุณมีอาการปวดท้องบ่อยๆ โดยเฉพาะ หลังรับประทานอาหารมันหรือเผ็ด ควร พบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย ว่าเป็นโรคกระเพาะหรือนิ่วในถุงน้ำดี และ ดูแลสุขภาพผ่านการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาว
เนื้อหาที่น่าสนใจ: OHCA คืออะไร? วิธีรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน