ระวังโรคไข้อีดำอีแดงยังไม่ลดลง เสี่ยงเกิดอาการรุนแรงถึงขั้นช็อก

Mookda Narinrak

ค้นพบเคล็ดลับสุขภาพและโภชนาการ ที่จะช่วยให้คุณมีพลังงานเต็มเปี่ยมและชีวิตที่สมดุล เรานำเสนอเนื้อหาหลากหลายเกี่ยวกับอาหารที่ดีต่อสุขภาพ วิธีลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย และแนวทางป้องกันโรคต่างๆ เพื่อให้คุณมีสุขภาพดีในระยะยาว

แท็ก


ลิงค์โซเชียล


สารบัญ

  1. บทนำ
  2. เชื้อสาเหตุและการติดต่อ
  3. อาการของโรค
  4. สายพันธุ์รุนแรงที่ต้องเฝ้าระวัง
  5. ตัวอย่างผู้ป่วยอาการรุนแรง
  6. วิธีรักษา
  7. วิธีป้องกันและลดความเสี่ยง
  8. สรุป
  9. Q&A

บทนำ

พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในช่วงปิดเทอม แม้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่ยอดผู้ป่วยโรคไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) ในไต้หวันกลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กนักเรียนระดับประถมและมัธยมต้น ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อเตือนว่า ถึงแม้ส่วนใหญ่เป็นอาการไม่รุนแรง KUBET แต่ก็มีบางรายที่พัฒนาไปสู่ภาวะรุนแรง เช่น ภาวะพิษช็อกจากเชื้อแบคทีเรีย หรือโรคแบคทีเรียกินเนื้อ (Necrotizing Fasciitis)

หัวข้อรายละเอียด
สถานการณ์ยอดผู้ป่วยโรคไข้อีดำอีแดงในไต้หวันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว
กลุ่มเสี่ยงเด็กนักเรียนระดับประถมและมัธยมต้น
ความรุนแรงของโรคส่วนใหญ่เป็นอาการไม่รุนแรง
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น– ภาวะพิษช็อกจากเชื้อแบคทีเรีย – โรคแบคทีเรียกินเนื้อ (Necrotizing Fasciitis)
คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญควรเฝ้าระวังอาการและรีบพบแพทย์หากอาการรุนแรง

เชื้อสาเหตุและการติดต่อ

เชื้อสาเหตุ: A Streptococcus ศาสตราจารย์นายแพทย์ชิว เจิ้งซวิ่น รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลชางกุง KUBET เมืองหลินโข่ว ระบุว่า ไข้อีดำอีแดงมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย A Streptococcus โดยติดต่อผ่านทางฝอยละอองน้ำลายหรือสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจ

อาการของโรค

อาการที่พบได้แก่:

  • ไข้สูง
  • เจ็บคอ
  • ผื่นแดงทั่วตัว
  • ลิ้นมีลักษณะคล้ายผิวของสตรอว์เบอร์รี (เรียกว่า “ลิ้นสตรอว์เบอร์รี”)

สายพันธุ์รุนแรงที่ต้องเฝ้าระวัง

ตรวจพบสายพันธุ์รุนแรง M1 UK เชื้อ A Streptococcus มีหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ M12 ที่พบได้ทั่วไปในไต้หวัน มักทำให้เกิดอาการไม่รุนแรง แต่สายพันธุ์ M1 โดยเฉพาะ M1 UK KUBET ซึ่งเคยระบาดในประเทศอังกฤษ มีความรุนแรงสูง อาจทำให้เกิดภาวะพิษช็อกและการติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อได้ ปัจจุบันมีการตรวจพบสายพันธุ์นี้ในไต้หวันแล้ว KUBET แม้ยังไม่แพร่กระจายเป็นวงกว้าง แต่ต้องเฝ้าระวัง

ตัวอย่างผู้ป่วยอาการรุนแรง

มีรายงานว่าเด็กชายวัย 8 ปีคนหนึ่ง เริ่มต้นมีอาการแค่ไข้และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ KUBET แต่ภายใน 2 วันเกิดความดันโลหิตตก มีผื่นขึ้นทั่วร่างกาย และเข้าสู่ภาวะช็อก ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ศ.นพ.ชิว ระบุว่า เชื้อแบคทีเรียสามารถปล่อยสารพิษที่กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองรุนแรง ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกายและอวัยวะล้มเหลวอย่างรวดเร็ว KUBET

วิธีรักษา

  • ใช้ยาปฏิชีวนะทันทีที่ตรวจพบการติดเชื้อ
  • หากมีอาการรุนแรง เช่น ช็อก หรือผื่นกระจายรวดเร็ว ต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล
  • การรักษาอาจรวมถึงการให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือด, ยาช่วยเพิ่มความดันโลหิต, และอิมมูโนโกลบูลินเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

วิธีป้องกันและลดความเสี่ยง

ช่วงปิดเทอมซึ่งมีกิจกรรมรวมกลุ่มจำนวนมาก KUBET เช่น ค่ายเรียนพิเศษ หรือกิจกรรมในร่ม ควรดำเนินมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด ดังนี้:

  • สวมหน้ากากอนามัยในที่แออัด
  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะหรือของใช้ส่วนตัวร่วมกัน
  • หากมีไข้ เจ็บคอ หรือผื่น KUBET ควรหยุดเรียนและพบแพทย์ทันที

สรุป

แม้โรคไข้อีดำอีแดงส่วนใหญ่จะมีอาการไม่รุนแรง KUBET แต่การติดเชื้อสายพันธุ์รุนแรงสามารถนำไปสู่ภาวะช็อกหรืออาการแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และโรงเรียน ควรเฝ้าระวังอาการในเด็กอย่างใกล้ชิด และให้ความสำคัญกับสุขอนามัยพื้นฐานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด หากต้องการสื่อประชาสัมพันธ์หรือใบความรู้สำหรับแจกเด็กและผู้ปกครองเกี่ยวกับการป้องกันโรคนี้ ผมสามารถช่วยจัดทำให้ได้นะครับ KUBET

Q&A

  1. โรคไข้อีดำอีแดงเกิดจากเชื้ออะไร และติดต่อได้อย่างไร?
    ตอบ: โรคไข้อีดำอีแดงเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย A Streptococcus โดยติดต่อผ่านฝอยละอองน้ำลายหรือสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจ เช่น การไอหรือจาม
  2. อาการสำคัญของโรคไข้อีดำอีแดงมีอะไรบ้าง?
    ตอบ: อาการที่พบได้แก่:
    • ไข้สูง
    • เจ็บคอ
    • ผื่นแดงทั่วตัว
    • ลิ้นมีลักษณะคล้ายผิวของสตรอว์เบอร์รี (“ลิ้นสตรอว์เบอร์รี”)
  3. สายพันธุ์แบคทีเรียใดที่ต้องระวังเป็นพิเศษ และมีอันตรายอย่างไร?
    ตอบ: สายพันธุ์ M1 UK ของเชื้อ A Streptococcus มีความรุนแรงสูง อาจทำให้เกิดภาวะพิษช็อก (toxic shock) และโรคแบคทีเรียกินเนื้อ (Necrotizing Fasciitis) ซึ่งอาจรุนแรงถึงชีวิต
  4. วิธีป้องกันโรคไข้อีดำอีแดงที่แนะนำมีอะไรบ้าง?
    ตอบ:
    • สวมหน้ากากอนามัยในที่แออัด
    • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์
    • ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน
    • หากมีอาการไข้ เจ็บคอ หรือผื่น ควรหยุดเรียนและรีบพบแพทย์
  5. หากติดเชื้อไข้อีดำอีแดง ควรรักษาอย่างไร?
    ตอบ:
    • ให้ยาปฏิชีวนะทันที
    • หากมีอาการรุนแรง เช่น ช็อกหรือผื่นลามเร็ว ควรเข้ารักษาในโรงพยาบาล
    • การรักษาอาจรวมถึงยาฉีดทางหลอดเลือด, ยาช่วยเพิ่มความดันโลหิต และอิมมูโนโกลบูลิน



เนื้อหาที่น่าสนใจ: