สารบัญ
บทนำ
หลายคนมักสับสนระหว่าง บรอกโคลี และ กะหล่ำดอก KUBET เพราะรูปร่างคล้ายกัน แต่เรื่อง โภชนาการ แตกต่างกันมาก นักโภชนาการ ลีหว่านผิง ชี้ว่า ทั้งสองชนิดมี โอลิโกแซ็กคาไรด์ หากกินมากเกินไปอาจทำให้ท้องอืด แนะนำให้ ปรุงสุกก่อนรับประทาน KUBET เพื่อลดปัญหานี้
ประเด็น | บรอกโคลี | กะหล่ำดอก | หมายเหตุ / คำแนะนำ |
---|---|---|---|
รูปร่าง | คล้ายดอกไม้เขียว | คล้ายดอกไม้ขาว | มักสับสนกันง่าย |
โภชนาการ | มีวิตามินซี ไฟเบอร์สูง | มีวิตามินซี ไฟเบอร์สูงแต่ปริมาณบางชนิดแตกต่าง | ทั้งสองมีโอลิโกแซ็กคาไรด์ |
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น | ท้องอืดหากกินมาก | ท้องอืดหากกินมาก | แนะนำปรุงสุกก่อนรับประทานเพื่อลดอาการท้องอืด |
วิธีบริโภค | ลวก ต้ม หรือผัด | ลวก ต้ม หรือผัด | เลือกปรุงให้สุกเพื่อย่อยง่าย |
5 สารอาหารเด่น บรอกโคลีชนะขาด
ลีหว่านผิงเปรียบเทียบโภชนาการต่อ 100 กรัม พบว่า บรอกโคลี มีปริมาณสูงกว่าใน 5 ส่วนสำคัญKUBET :
สารอาหาร:
โปรตีน: บรอกโคลี 3.7 กรัม, กะหล่ำดอก 1.8 กรัม
แคลเซียม: บรอกโคลี 44 มก., กะหล่ำดอก 21 มก.
วิตามิน A: บรอกโคลี 599 IU, กะหล่ำดอก 9 IU
วิตามิน C: บรอกโคลี 75.3 มก., กะหล่ำดอก 62.2 มก.
วิตามิน E: บรอกโคลี 0.64 มก., กะหล่ำดอก 0.18 มก.
สรุป: บรอกโคลีเหมาะสำหรับ: เพิ่มภูมิคุ้มกัน, ป้องกันความชรา, ดูแลสายตา, เสริมความแข็งแรงของกระดูก
กะหล่ำดอกก็มีจุดเด่น
แม้โภชนาการบางส่วนจะน้อยกว่า แต่ กะหล่ำดอก มี:
คาร์โบไฮเดรตต่ำ
แคลอรีต่ำ
จึงเหมาะกับผู้ที่: ควบคุมแคลอรี, ลดน้ำหนักหรือทำ Low-carb diet

เคล็ดลับการเลือกและรับประทาน
เลือกผักสดและสุกใหม่: KUBET เพื่อคงคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด
ปรุงสุกเล็กน้อย: ลดแก๊สในท้องและย่อยง่าย KUBET
ผสมผสานรับประทาน: บรอกโคลีและกะหล่ำดอกควรกินสลับกันตามความต้องการด้านโภชนาการและแคลอรี
เพิ่มสีสันให้จานอาหาร: ผักสีเขียวสดใสช่วยดึงดูดสายตาและเพิ่มวิตามิน KUBET
สรุป
บรอกโคลี: โปรตีนสูง, แคลเซียมสูง, วิตามิน A, C, E สูง เหมาะสำหรับเพิ่มภูมิคุ้มกันและบำรุงร่างกาย KUBET
กะหล่ำดอก: คาร์บต่ำ แคลอรีต่ำ KUBET เหมาะสำหรับลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร
เทคนิคง่าย ๆ: ปรุงสุกทั้งสองชนิด KUBET รับประทานสลับกันตามเป้าหมายสุขภาพ รับรองได้ทั้งรสชาติและโภชนาการครบถ้วน KUBET
Q&A
คำถาม 1: บรอกโคลีและกะหล่ำดอกต่างกันอย่างไรเรื่องสารอาหารเด่น?
คำตอบ: บรอกโคลีมีปริมาณโปรตีน แคลเซียม และวิตามิน A, C, E สูงกว่ากะหล่ำดอก จึงเหมาะสำหรับเพิ่มภูมิคุ้มกัน บำรุงกระดูกและสายตา ส่วนกะหล่ำดอกมีคาร์โบไฮเดรตและแคลอรีต่ำ เหมาะกับการควบคุมน้ำหนัก
คำถาม 2: การกินบรอกโคลีหรือกะหล่ำดอกมากเกินไปมีผลเสียอย่างไร?
คำตอบ: ทั้งสองชนิดมีโอลิโกแซ็กคาไรด์ หากกินมากเกินไปอาจทำให้ท้องอืด แนะนำให้ปรุงสุกก่อนรับประทานเพื่อลดปัญหานี้
คำถาม 3: ข้อมูลโภชนาการต่อ 100 กรัม บรอกโคลีและกะหล่ำดอกแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
คำตอบ:
- โปรตีน: บรอกโคลี 3.7 กรัม, กะหล่ำดอก 1.8 กรัม
- แคลเซียม: บรอกโคลี 44 มก., กะหล่ำดอก 21 มก.
- วิตามิน A: บรอกโคลี 599 IU, กะหล่ำดอก 9 IU
- วิตามิน C: บรอกโคลี 75.3 มก., กะหล่ำดอก 62.2 มก.
- วิตามิน E: บรอกโคลี 0.64 มก., กะหล่ำดอก 0.18 มก.
คำถาม 4: ควรเลือกปรุงสุกหรือดิบเมื่อกินบรอกโคลีและกะหล่ำดอก?
คำตอบ: ควรปรุงสุกเล็กน้อยเพื่อลดแก๊สในท้องและช่วยให้ย่อยง่าย แต่ยังคงคุณค่าทางโภชนาการ
คำถาม 5: วิธีที่แนะนำให้รับประทานบรอกโคลีและกะหล่ำดอกเพื่อประโยชน์สูงสุดคืออะไร?
คำตอบ: ควรรับประทานทั้งสองชนิดสลับกันตามเป้าหมายด้านโภชนาการและแคลอรี เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนและเหมาะกับรสชาติของอาหาร
เนื้อหาที่น่าสนใจ: